หากเจ้าของโครงการมีแผนจะดำเนินการก่อสร้างโครงการต่างๆ จะต้องมีการจ้างงานออกแบบ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง และผู้บริหารโครงการ รูปแบบในการจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างมีหลายรูปแบบ ซึ่งในแต่ละรูปแบบนั้นจะมีข้อดี – ข้อเสีย แตกต่างกันไปดังนี้
1. การดำเนินงานในรูปแบบ Partnership
เป็นรูปแบบการรับเหมาก่อสร้างที่รวมเอาการออกแบบและการก่อสร้างไว้ที่บริษัทรับเหมาก่อสร้าง รายเดียวในลักษณะของการจ้างครั้งเดียวเสร็จทุกขั้นตอน หรือเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างผู้ออกแบบและบริษัทรับเหมาก่อสร้าง รวมพันธมิตรกันเพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันและทำงานเป็นทีม โดยสามารถทำได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับระดับความเชี่ยวชาญของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง โดยอาจให้บริษัทรับเหมาก่อสร้าง มีความรับผิดชอบครอบคลุมงานทั้งหมด เช่น ออกแบบ ก่อสร้าง จัดหาเงินทุน ดำเนินการ บริหารงานก่อสร้าง บำรุงรักษา หรือเฉพาะการดำเนินงานบางส่วน ตามความเหมาะสมของแต่ละโครงการ ตัวอย่างของการจ้างงานในรูปแบบ Partnership เช่น
- วิธีจ้างออกแบบรวมก่อสร้าง (Design-build Approach) จะวิธีการที่เจ้าของโครงการรวมเอาการออกแบบและการก่อสร้างไว้ที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างรายเดียวกันในลักษณะจ้างครั้งเดียวเบ็ดเสร็จทุกขั้นตอน เจ้าของโครงการกำหนดเพียงว่าต้องการก่อสร้างอาคารแบบไหนจากนั้นทำการตกลงราคา โดยบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ได้งานก็จะมีหน้าที่ตั้งแต่ออกแบบ ทำแบบก่อสร้าง จัดหาวัสดุ เครื่องมือ แรงงาน ทุกขั้นตอนจนเสร็จสมบูรณ์
- วิธีจ้างเหมาจ้างแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Approach) รูปแบบนี้จะคล้ายกับวิธีจ้างออกแบบรวมก่อสร้าง (Design-build Approach) แต่บริษัทรับเหมาก่อสร้าง จะเป็นผู้จัดหาแหล่งเงินทุน เทคโนโลยี ออกแบบ และดำเนินการก่อสร้างจนเสร็จ โดยเจ้าของโครงการสามารถผ่อนชำระค่าก่อสร้างหลังบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ส่งมอบโครงการเรียบร้อยแล้วโดยไม่ต้องลงทุนก่อน รูปแบบการดำเนินการแบบนี้เหมาะกับโครงการใหญ่ที่ต้องใช้เทคโนโลยีหรือเงินทุนสูง
ข้อดีของการดำเนินงานในรูปแบบ Partnership
- ลดระยะเวลาก่อสร้างและสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วทันกำหนดเวลา เพราะหากเกิดปัญหาในปัญหาเกี่ยวกับการออกแบบทั้งทีมออกแบบและฝ่ายก่อสร้างสามารถประสานงานและแก้ปัญหาร่วมกันได้อย่างรวดเร็ว
- ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการสื่อสารระหว่างนักออกแบบและบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ติดต่อประสานงานสะดวก การออกแบบและการก่อสร้างสามารถดำเนินการไปพร้อมๆกันได้
- ลดปัญหาที่เกิดจากการออกแบบที่ไม่สอดคล้องกับการก่อสร้าง และมีผู้รับผิดชอบในงานชัดเจน เพราะผู้ออกแบบและบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นทีมงานเดียวกัน
ข้อเสียของการดำเนินงานในรูปแบบ Partnership
- มูลค่าสัญญาสูงเนื่องจากผู้รับจ้างต้องเพิ่มค่าความเสี่ยง เช่น ราคาวัสดุ ปริมาณ
2.การดำเนินงานในรูปแบบจ้างแบบวิธีดั้งเดิม (Design-Bid-Build Approach)
เป็นรูปแบบการรับเหมาก่อสร้างที่เจ้าของโครงการจะจ้างผู้ออกแบบเพื่อออกแบบโครงการให้แล้วเสร็จก่อน (Design) แล้วจึงดำเนินการประกวดราคาเพื่อจัดซื้อจัดจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง (Bid) จากนั้นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ชนะการประกวดราคาก็จะต้องก่อสร้างโครงการตามแบบที่ผู้ออกแบบได้จัดทาไว้ (Build) ตัวอย่างของการจ้างงานในรูปแบบดั้งเดิม เช่น
- วิธีจ้างงานก่อสร้างแบบเหมารวม (Lump Sum Approach) เป็นรูปแบบที่เจ้าของโครงการได้จัดเตรียมแบบแปลน ออกแบบและเตรียมทุกอย่างไว้ค่อยข้างสมบูรณ์แล้ว บริษัทรับเหมาก่อสร้างเสนอราคาต่อหน่วยที่ชัดเจน จะมีการตกลงจ้างแบบใช้ราคาเหมา รวมค่าวัสดุ ค่าแรงงาน ค่าบริหารจัดการ กำไร ภาษี และค่าใช้จ่ายอย่างอื่นหมดแล้ว การจ้างแบบนี้เจ้าของโครงการจะทราบว่าต้องใช้เงินทั้งหมดเป็นจำนวนเท่าใดตั้งแต่เริ่มต้น
ข้อดีของการดำเนินงานในรูปแบบวิธีดั้งเดิม
- เจ้าของโครงการสามารถควบคุมการออกแบบของโครงการได้อย่างเต็มที
- เจ้าของโครงการรู้มูลค่าการดำเนินงานที่แน่นอนได้งานครบถ้วนตามกำหนด และสามารถตรวจสอบผลงานได้ง่าย
ข้อเสียของการดำเนินงานในรูปแบบวิธีดั้งเดิม
- อาจเกิดปัญหาเรื่องการออกแบบที่ไม่สอดคล้องกับการก่อสร้าง เพราะมีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายก็มักจะมีการเกี่ยงกันรับผิดชอบและนำมาซึ่งบรรยากาศของความขัดแย้งในโครงการ
ซึ่งสำหรับแนวทางการเลือกรูปแบบการดำเนินโครงการ และการควบคุมงานก่อสร้างนั้นไม่มีรูปแบบตายตัว ขึ้นอยู่กับเจ้าของโครงการว่าจะเลือกจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างในรูปแบบใด โดยขึ้นอยู่กับขนาด ความซับซ้อนของโครงการ และข้อจำกัดของงาน เป็นหลักในการพิจารณา